ปัดตกหรือไปต่อ พลังงานสะอาดยังจำเป็นไหมในปัจจุบัน

ความยั่งยืน

ปัดตกหรือไปต่อ? พลังงานสะอาดยังจำเป็นไหมในปัจจุบัน

Clock Icon

10 ตุลาคม 2568

แชร์ :

พลังงานงานสะอาด สรุปแล้วมันยังมีอยู่หรือไม่?

อย่างที่รู้กันว่าในช่วงต้นปี ทางสหรัฐฯได้ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงปารีสที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5C เทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม

เหตุผลเพราะ “ไม่เชื่อ” เรื่องภาวะโลกร้อน รวมทั้งยกเลิกนโยบายหนุนพลังงานสะอาด ส่งผลธุรกิจใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯชะลอเป้าหมายนี้ตามไปด้วย พอหัวเรือปัดตกแบบนี้ ก็คงมีคนสับสนว่าจะไปกันต่อ หรือจะพอแค่นี้

อันที่จริงก็ยังมีโครงการขับเคลื่อนกันอยู่เรื่อย ๆ เพียงแต่ไม่ได้ถูกพูดถึงในหน้าสื่อกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้ว พลังงานสะอาดนั้นความจำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ปัญหาโลกร้อน และสร้างความยั่งยืนทางด้านพลังงาน หลายประเทศก็ขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเต็มรูปแบบ โดยไทยเองก็มีหน่วยงานที่ผลักดันในเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย รายงานจาก Bloomberg NEF ได้วิเคราะห์ว่า เส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของไทยภายในปี 2593 ที่คุ้มค่าที่สุด คือการเร่งสร้างพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ เพราะปัจจุบันต้นทุนไฟฟ้าต่อหน่วย (LCOE) ของพลังงานแสงอาทิตย์ ถูกกว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่สร้างใหม่อยู่แล้ว และจะยิ่งได้เปรียบเมื่อใช้คู่กับระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่

สอดคล้องกับนโยบายล่าสุด จากกระทรวงพลังงาน ซึ่งประกาศเร่งเครื่อง “Quick Big Win” เต็มกำลังด้านพลังงาน มุ่งเน้นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของคนไทย กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการโซลาร์เซลล์ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในประเทศ ควบคู่ไปกับการผลักดันให้ไทยก้าวสู่สังคม คาร์บอนต่ำ และเป้าหมาย Net Zero 2050 อย่างเช่น โครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน การลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ติดตั้งโซลาร์เซลล์ และการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำใน 3 เขื่อนหลักของ กฟผ. เป็นต้น

นอกจากนี้ข้อมูลของ IEA ก็ได้บอกว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังวางแผนสำหรับการเติบโตอย่างมากในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการนำเข้า LNG และความสามารถในการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซของภูมิภาคที่จะทะลุ 200 กิกะวัตต์

โดยกำลังดำเนินการและอยู่ระหว่างการก่อสร้างในหลายประเทศ เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ชี้ให้เห็นถึงความสามารถในการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซและปริมาณการนำเข้าและส่งออก LNG อาจพุ่งขึ้นกว่า 80% และ 30%

ตามข้อมูลของ Global Energy Monitor (GEM) ยังบอกว่ากำลังพิจารณา การเพิ่มการสกัดน้ำมันและก๊าซ ที่อาจเพิ่มผลผลิตในปัจจุบันถึงร้อยละ 18 ซึ่งก๊าซจะกลายเป็นรากฐานสำคัญสำหรับอนาคตพลังงานของภูมิภาค โดยจะมีส่วนแบ่งประมาณร้อยละ 30 ในส่วนผสมพลังงานหลักของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2050

สรุปแล้วปัจจัยทั้งหมดนี้กำลังบอกว่าหลายประเทศทั่วโลกยังคงเดินหน้าผลักดันการใช้พลังงานสะอาดอย่างจริงจัง แม้สหรัฐฯจะโบกมือลาก็ตาม เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปัดตกหรือไปต่อ? พลังงานสะอาดยังจำเป็นไหมในปัจจุบัน