
ข่าวการ “ให้สัญชาติแก่แรงงานต่างด้าว” กลายเป็นกระแสในสังคมไทย ที่เกิดคำถามว่า “แล้วสิทธิของคนไทยจะถูกแย่งหรือไม่ ?” เพราะหลายเสียงกังวลว่า การให้สัญชาติแรงงานต่างด้าวอาจทำให้เกิด “การริดรอนสิทธิของคนไทย” โดยเฉพาะอาชีพค้าขาย อย่างที่เราเห็นกันว่ามีแรงงานต่างชาติเปิดร้านขายอาหาร หรือขายของตามตลาดสด แม้จะยังไม่มีสถานะที่ถูกต้องทางกฎหมายก็ตาม
ซึ่งนโยบายให้สัญชาติจะช่วยให้สถานะทางกฎหมายของแรงงานเหล่านี้เปลี่ยนไปเป็น “พลเมือง” ที่สามารถเข้าถึงสิทธิต่างๆ ได้มากขึ้น กลายเป็นความกังวลของประชาชนคนไทยอยู่ไม่น้อย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยกำลังเผชิญปัญหา “อัตราการเกิดต่ำ และประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” เด็กจบใหม่หลายคนมุ่งสู่การทำงานในรูปแบบออฟฟิศ มากกว่าการเป็นแรงงานทั่วไป ส่งผลให้ธุรกิจจำนวนมากขาดแคลนแรงงานขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตรกรรม การก่อสร้าง หรือการบริการของธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งแรงงานต่างด้าวเป็นกำลังหลักสำคัญของประเภทงานเหล่านี้
โดยรัฐมองว่าการให้สัญชาติ เป็นการ “ปรับโครงสร้างแรงงานของประเทศในระยะยาว” โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่อยู่ไทยมานานหลายสิบปี มีครอบครัวที่นี่ แต่ไม่มีสถานะสัญชาติที่แน่นอน
ซึ่งที่จริงแล้ว การให้สัญชาติครั้งนี้อ้างอิงตามมติ ครม. 29 ต.ค. 67 ซึ่งกำหนดให้เร่งรัดการแก้ปัญหาสัญชาติของผู้ที่เกิดในไทย และพำนักอยู่ในไทยเป็นเวลานาน พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์ไว้อย่างชัดเจน และเข้มงวด เช่น ต้องเป็นผู้ที่มีข้อมูลทะเบียนก่อนปี 2542 หรือในรอบปี 2548, 2554 รวมถึงเป็นคนชนกลุ่มน้อย /กลุ่มชาติพันธุ์ เท่านั้น
โดยทางกรมการปกครองมีฐานข้อมูลจัดเก็บไว้ในระบบแล้ว รวมทั้งต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างในระดับพื้นที่ โดยฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายทะเบียน และฝ่ายปกครอง และหากพบว่าให้ข้อมูลเท็จหรือมีการสวมสิทธิ จะถูกเพิกถอนสถานะในภายหลัง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยชี้แจงเพิ่มว่า “ไม่ได้มีการให้สัญชาติกับใครแบบแจกฟรี อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด แต่เป็นการแก้ไขปัญหาสะสมที่ค้างคามานาน” พร้อมย้ำว่าสถานะทางกฎหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้รัฐบริหารจัดการประชากรได้อย่างมีระบบ ลดปัญหาช่องโหว่ เช่น การจดทะเบียนแรงงานอย่างถูกต้อง
คำถามสำคัญอีกข้อคือที่ต้องระวังคือ เมื่อคนเหล่านี้ได้รับสัญชาติ หลายคนเกรงว่า หากแรงงานกลุ่มนี้ยังไม่เข้าสู่ระบบภาษีที่ถูกต้อง ก็อาจกลายเป็นภาระต่อระบบสวัสดิการของรัฐในระยะยาว และภาระนี้จะตกไปที่คนชนชั้นกลางที่อาจต้องแบกรับภาษีมากขึ้นหรือไม่
สุดท้ายเราอาจต้องติดตามผลของนโยบายนี้กันต่อไปว่าในอนาคตจะเกิดผลกระทบมากน้อยแค่ไหน แต่หากมีการจัดการอย่างรอบคอบ โปร่งใส และสร้างระบบให้คนทุกกลุ่มเข้าสู่การเสียภาษีอย่างยุติธรรม เชื่อว่าเรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มแรงงานที่สร้างรายได้ให้กับประเทศอยู่ไม่น้อย
ซึ่งนโยบายให้สัญชาติจะช่วยให้สถานะทางกฎหมายของแรงงานเหล่านี้เปลี่ยนไปเป็น “พลเมือง” ที่สามารถเข้าถึงสิทธิต่างๆ ได้มากขึ้น กลายเป็นความกังวลของประชาชนคนไทยอยู่ไม่น้อย
มองมุมต่าง “เพราะไทยกำลังขาดแรงงาน” การให้สัญชาติจึงจำเป็น ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยกำลังเผชิญปัญหา “อัตราการเกิดต่ำ และประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” เด็กจบใหม่หลายคนมุ่งสู่การทำงานในรูปแบบออฟฟิศ มากกว่าการเป็นแรงงานทั่วไป ส่งผลให้ธุรกิจจำนวนมากขาดแคลนแรงงานขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตรกรรม การก่อสร้าง หรือการบริการของธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งแรงงานต่างด้าวเป็นกำลังหลักสำคัญของประเภทงานเหล่านี้
โดยรัฐมองว่าการให้สัญชาติ เป็นการ “ปรับโครงสร้างแรงงานของประเทศในระยะยาว” โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่อยู่ไทยมานานหลายสิบปี มีครอบครัวที่นี่ แต่ไม่มีสถานะสัญชาติที่แน่นอน
ซึ่งที่จริงแล้ว การให้สัญชาติครั้งนี้อ้างอิงตามมติ ครม. 29 ต.ค. 67 ซึ่งกำหนดให้เร่งรัดการแก้ปัญหาสัญชาติของผู้ที่เกิดในไทย และพำนักอยู่ในไทยเป็นเวลานาน พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์ไว้อย่างชัดเจน และเข้มงวด เช่น ต้องเป็นผู้ที่มีข้อมูลทะเบียนก่อนปี 2542 หรือในรอบปี 2548, 2554 รวมถึงเป็นคนชนกลุ่มน้อย /กลุ่มชาติพันธุ์ เท่านั้น
โดยทางกรมการปกครองมีฐานข้อมูลจัดเก็บไว้ในระบบแล้ว รวมทั้งต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างในระดับพื้นที่ โดยฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายทะเบียน และฝ่ายปกครอง และหากพบว่าให้ข้อมูลเท็จหรือมีการสวมสิทธิ จะถูกเพิกถอนสถานะในภายหลัง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยชี้แจงเพิ่มว่า “ไม่ได้มีการให้สัญชาติกับใครแบบแจกฟรี อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด แต่เป็นการแก้ไขปัญหาสะสมที่ค้างคามานาน” พร้อมย้ำว่าสถานะทางกฎหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้รัฐบริหารจัดการประชากรได้อย่างมีระบบ ลดปัญหาช่องโหว่ เช่น การจดทะเบียนแรงงานอย่างถูกต้อง
คำถามสำคัญอีกข้อคือที่ต้องระวังคือ เมื่อคนเหล่านี้ได้รับสัญชาติ หลายคนเกรงว่า หากแรงงานกลุ่มนี้ยังไม่เข้าสู่ระบบภาษีที่ถูกต้อง ก็อาจกลายเป็นภาระต่อระบบสวัสดิการของรัฐในระยะยาว และภาระนี้จะตกไปที่คนชนชั้นกลางที่อาจต้องแบกรับภาษีมากขึ้นหรือไม่
สุดท้ายเราอาจต้องติดตามผลของนโยบายนี้กันต่อไปว่าในอนาคตจะเกิดผลกระทบมากน้อยแค่ไหน แต่หากมีการจัดการอย่างรอบคอบ โปร่งใส และสร้างระบบให้คนทุกกลุ่มเข้าสู่การเสียภาษีอย่างยุติธรรม เชื่อว่าเรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มแรงงานที่สร้างรายได้ให้กับประเทศอยู่ไม่น้อย
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
สัญชาติแรงงานข้ามชาติสิทธิคนไทยLocaltechTechMovementMoveForBetterTH