
แต่งรูปเล่น ๆ ที่อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล่นอีกต่อไป เมื่อแอปพลิเคชันแต่งรูปจากจีนที่หลายคนหลงรัก และใช้งานกันอยู่ทุกวัน อาจกลายเป็น “ช่องโหว่” สำคัญ ที่ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณไหลข้ามประเทศไปโดยไม่รู้ตัว..
แอปพลิเคชันแต่งรูปที่กำลังกลับมาฮิตติดกระแสในไทยอีกครั้งอย่าง Meitu ขึ้นชื่อเรื่องฟิลเตอร์ที่เนรมิตคนธรรมดา ให้กลายเป็นไอดอลได้ในพริบตาเดียว
แต่เบื้องหลังความเป๊ะปังนั้น กลับมีเสียงเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ว่าแอปพลิเคชันเหล่านี้กำลังเก็บข้อมูลส่วนตัวมากเกินกว่าความจำเป็น
ย้อนกลับไปในปี 2017 Meitu เคยถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญว่า มีการขอสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้มากจนผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ตั้ง กล้องถ่ายรูป ภาพถ่ายที่จัดเก็บในอุปกรณ์ รวมถึงข้อมูลอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมแอปพลิเคชันแต่งภาพนั้น ถึงต้องเก็บข้อมูลมากมายขนาดนี้ ?
แม้ตอนนี้จะมีการปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวใหม่ให้สอดคล้องกับกฎหมายมากขึ้นแล้ว แต่ผู้ใช้งานหลายคนก็ยังไม่รู้สึกวางใจ เพราะไม่มีใครรู้ว่าข้อมูลส่วนตัวของเราจะถูกส่งไปเก็บไว้ที่ไหน และใครคือผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้บ้าง
ซึ่งเรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิด เพราะเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีกรณีวัยรุ่นชาวเกาหลีที่ภาพถ่ายของเธอถูกนำไปใช้ในสื่อโฆษณาของแอปพลิเคชัน โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รับแจ้งหรือขออนุญาตมาก่อน ที่รู้ตัวอีกที ภาพของตัวเองก็ไปปรากฏอยู่บนโฆษณาทางออนไลน์ซะแล้ว
เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวเน็ตแสดงความกังวลมากขึ้น หลายคนถึงกับคอมเมนต์ว่าเลิกใช้แอปฯ เหล่านี้มานานแล้วเพราะกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวที่อาจหลุดไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็เป็นไปได้สูง เพราะทุกครั้ง ก่อนใช้งาน แอปพลิเคชัน มักขอให้ผู้ใช้งานกดยินยอมข้อตกลงก่อนเสมอ
อย่างแรกคือ เราควรตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงต่างๆ ของแอปพลิเคชันให้ดีก่อนกดยินยอม หรือควรเลือกใช้แอปฯ แต่งรูปที่ประมวลผลในเครื่อง หรือใช้งานผ่านเว็บเบสที่ไม่มีการอัปโหลดข้อมูลไปยังคลาวด์ หรือหลีกเลี่ยงการนำภาพหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น บัตรประชาชน หรือภาพใบหน้าที่สามารถนำไปใช้เชิงชีวภาพ มาแต่งหรืออัปโหลดผ่านแอปพลิเคชันโดยไม่จำเป็น
แม้สิ่งที่เราทำไม่ได้แก้ไขที่ต้นตอของปัญหา แต่เชื่อว่าอย่างน้อยๆ การทำสิ่งเล็กๆเหล่านี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ช่วยกำหนดการเข้าถึงของข้อมูลตัวเองได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
แอปพลิเคชันแต่งรูปที่กำลังกลับมาฮิตติดกระแสในไทยอีกครั้งอย่าง Meitu ขึ้นชื่อเรื่องฟิลเตอร์ที่เนรมิตคนธรรมดา ให้กลายเป็นไอดอลได้ในพริบตาเดียว
แต่เบื้องหลังความเป๊ะปังนั้น กลับมีเสียงเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ว่าแอปพลิเคชันเหล่านี้กำลังเก็บข้อมูลส่วนตัวมากเกินกว่าความจำเป็น
ย้อนกลับไปในปี 2017 Meitu เคยถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญว่า มีการขอสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้มากจนผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ตั้ง กล้องถ่ายรูป ภาพถ่ายที่จัดเก็บในอุปกรณ์ รวมถึงข้อมูลอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมแอปพลิเคชันแต่งภาพนั้น ถึงต้องเก็บข้อมูลมากมายขนาดนี้ ?
แม้ตอนนี้จะมีการปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวใหม่ให้สอดคล้องกับกฎหมายมากขึ้นแล้ว แต่ผู้ใช้งานหลายคนก็ยังไม่รู้สึกวางใจ เพราะไม่มีใครรู้ว่าข้อมูลส่วนตัวของเราจะถูกส่งไปเก็บไว้ที่ไหน และใครคือผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้บ้าง
ซึ่งเรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิด เพราะเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีกรณีวัยรุ่นชาวเกาหลีที่ภาพถ่ายของเธอถูกนำไปใช้ในสื่อโฆษณาของแอปพลิเคชัน โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รับแจ้งหรือขออนุญาตมาก่อน ที่รู้ตัวอีกที ภาพของตัวเองก็ไปปรากฏอยู่บนโฆษณาทางออนไลน์ซะแล้ว
เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวเน็ตแสดงความกังวลมากขึ้น หลายคนถึงกับคอมเมนต์ว่าเลิกใช้แอปฯ เหล่านี้มานานแล้วเพราะกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวที่อาจหลุดไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็เป็นไปได้สูง เพราะทุกครั้ง ก่อนใช้งาน แอปพลิเคชัน มักขอให้ผู้ใช้งานกดยินยอมข้อตกลงก่อนเสมอ
เราควรทำอย่างไรเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของเรา?
อย่างแรกคือ เราควรตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงต่างๆ ของแอปพลิเคชันให้ดีก่อนกดยินยอม หรือควรเลือกใช้แอปฯ แต่งรูปที่ประมวลผลในเครื่อง หรือใช้งานผ่านเว็บเบสที่ไม่มีการอัปโหลดข้อมูลไปยังคลาวด์ หรือหลีกเลี่ยงการนำภาพหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น บัตรประชาชน หรือภาพใบหน้าที่สามารถนำไปใช้เชิงชีวภาพ มาแต่งหรืออัปโหลดผ่านแอปพลิเคชันโดยไม่จำเป็น
แม้สิ่งที่เราทำไม่ได้แก้ไขที่ต้นตอของปัญหา แต่เชื่อว่าอย่างน้อยๆ การทำสิ่งเล็กๆเหล่านี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ช่วยกำหนดการเข้าถึงของข้อมูลตัวเองได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
แอปพลิเคชันแต่งรูปmeituข้อมูลส่วนบุคคลGlobalTechTechMovementMoveForBetterTH