
รัฐบาลอังกฤษขยายการใช้รถตู้ตรวจจับใบหน้า Live Facial Recognition (LFR) เพื่อช่วยตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีอาชญากรรม โดยรถตู้เหล่านี้ติดตั้งกล้องที่สามารถสแกนใบหน้า จากผู้คนที่เดินผ่านในรัศมีที่กล้องจับได้ เพื่อเทียบกับฐานข้อมูลผู้ต้องหาที่มีอยู่ ด้วยการวัดลักษณะใบหน้า ระยะห่างของดวงตา ความยาวกราม และตัวอัลกอริทึมมีความแม่นยำ แบบไม่มีอคติต่อเชื้อชาติ อายุ หรือเพศ ซึ่งมีการจับกุมจริงแล้วถึง 580 ครั้งภายใน 12 เดือน
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับการใช้เทคโนโลยีนี้ ซึ่งก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชนและกลุ่มรณรงค์ Big Brother Watch ที่มองว่านี่คือสิ่งที่กระทบต่อสิทธิความเป็นส่วนตัว และ Amnesty International UK แสดงความกังวลว่าการใช้งานเทคโนโลยีนี้อาจเกิดการจับกุมผิดพลาด โดยเฉพาะในกลุ่มคนผิวสีซึ่งเป็นกลุ่มที่ระบบจดจำใบหน้าของ AI มักผิดพลาดบ่อยครั้ง
แม้เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า เทคโนโลยีที่ใช้ได้ผ่านการทดสอบ และควบคุมโดยเจ้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรมแล้ว นอกจากนี้ก็ได้มีการยืนยันจากกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษว่า เทคโนโลยีนี้จะถูกใช้เฉพาะในคดีอาชญากรรม ข้อมูลใบหน้าที่ถูกส่งให้รถตู้ LFR จะทำเป็นภาพแบบ Pixel และจะไม่มีการเก็บข้อมูลใดๆ
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายสำคัญในยุคดิจิทัล ที่ต้องหาจุดสมดุลระหว่างการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ กับการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน ที่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัย แต่ก็ต้องเคารพต่อความเป็นส่วนตัวและสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วย
โดยอาจต้องมีการหารือ และการออกแบบกรอบการใช้งานที่เหมาะสม รวมถึงมาตรการทางกฎหมายที่สามารถคุ้มครองสิทธิของประชาชนได้ โดยไม่กระทบต่อการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ เพื่อสร้างความไว้วางใจระหว่างรัฐ และประชาชน ผ่านความโปร่งใสในการดำเนินงาน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว