
การประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission หรือ JBC) หนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือ “การสำรวจพื้นที่เพื่อจัดทำแนวเขตแดน” โดยทั้งสองประเทศเห็นร่วมกัน ว่าจะใช้ “LiDAR” ทำแผนที่ภาพถ่ายอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน
LiDAR ย่อมาจาก “Light Detection and Ranging” พัฒนาโดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และ ภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ แสงเลเซอร์ยิงออกไปยังพื้นผิว แล้วคำนวณระยะทางจากเวลาที่แสงสะท้อนกลับมา โดยใช้ร่วมกับระบบ GPS หรือ ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกเพื่อระบุรายละเอียด ระดับความสูง ความลึก ความชัน และรายละเอียดของภูมิประเทศ ว่าเป็นแบบไหน ได้อย่างแม่นยำ ที่สายตามนุษย์ หรือกล้องธรรมดาไม่สามารถประเมินได้
โดยใช้การบินสำรวจด้วยเครื่องบิน หรือโดรนที่ติดตั้งอุปกรณ์ LiDAR อยู่ในรูปแบบ "Point Clouds" หรือกลุ่มจุด ซึ่งแต่ละจุดมีค่าพิกัดและความสูง ทำให้สามารถสร้างแผนที่ 3 มิติที่แสดงขนาด ปริมาตร และรูปร่างของวัตถุได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้าง พื้นที่ธรรมชาติ หรือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
ที่จริง LiDAR เคยถูกใช้สำรวจพื้นที่มาแล้วกว่า 50 กิโลเมตร รอบเมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อสำรวจร่องรอยอารยธรรมเก่าของพื้นที่ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณในอดีต ให้หน่วยงานท้องถิ่นนำข้อมูลที่ได้ไปบริหารจัดการพื้นที่ทางโบราณคดีต่อไปได้
ชี้ให้เห็นว่าการที่ระบบนี้ถูกเลือกใช้สำรวจพื้นที่ใน JBC นั้น คงเป็นเพราะทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่า นี่คือทางออกที่จะช่วย “ตัดสินอย่างเป็นกลาง” เพราะประเด็น “เขตแดน” เป็นเรื่องที่อ่อนไหว การใช้ข้อมูลจาก LiDAR ร่วมการเจรจาจะมีน้ำหนักมากกว่า ช่วยไขปมข้อพิพาทที่มีมาอย่างยาวนานได้ด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและโปร่งใส ซึ่งอาจบรรเทาความขัดแย้งด้านพื้นที่ระหว่างประเทศได้ในที่สุด
LiDAR คืออะไร ทำไมต้องใช้เทคโนโลยีนี้ ?
LiDAR ย่อมาจาก “Light Detection and Ranging” พัฒนาโดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และ ภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ แสงเลเซอร์ยิงออกไปยังพื้นผิว แล้วคำนวณระยะทางจากเวลาที่แสงสะท้อนกลับมา โดยใช้ร่วมกับระบบ GPS หรือ ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลกเพื่อระบุรายละเอียด ระดับความสูง ความลึก ความชัน และรายละเอียดของภูมิประเทศ ว่าเป็นแบบไหน ได้อย่างแม่นยำ ที่สายตามนุษย์ หรือกล้องธรรมดาไม่สามารถประเมินได้
โดยใช้การบินสำรวจด้วยเครื่องบิน หรือโดรนที่ติดตั้งอุปกรณ์ LiDAR อยู่ในรูปแบบ "Point Clouds" หรือกลุ่มจุด ซึ่งแต่ละจุดมีค่าพิกัดและความสูง ทำให้สามารถสร้างแผนที่ 3 มิติที่แสดงขนาด ปริมาตร และรูปร่างของวัตถุได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้าง พื้นที่ธรรมชาติ หรือสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
ที่จริง LiDAR เคยถูกใช้สำรวจพื้นที่มาแล้วกว่า 50 กิโลเมตร รอบเมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อสำรวจร่องรอยอารยธรรมเก่าของพื้นที่ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณในอดีต ให้หน่วยงานท้องถิ่นนำข้อมูลที่ได้ไปบริหารจัดการพื้นที่ทางโบราณคดีต่อไปได้
ชี้ให้เห็นว่าการที่ระบบนี้ถูกเลือกใช้สำรวจพื้นที่ใน JBC นั้น คงเป็นเพราะทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่า นี่คือทางออกที่จะช่วย “ตัดสินอย่างเป็นกลาง” เพราะประเด็น “เขตแดน” เป็นเรื่องที่อ่อนไหว การใช้ข้อมูลจาก LiDAR ร่วมการเจรจาจะมีน้ำหนักมากกว่า ช่วยไขปมข้อพิพาทที่มีมาอย่างยาวนานได้ด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและโปร่งใส ซึ่งอาจบรรเทาความขัดแย้งด้านพื้นที่ระหว่างประเทศได้ในที่สุด
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
LiDARGISTDAJBCไทยกัมพูชาLocaltechTechMovementMoveForBetterTH