
สังคม
จาก "รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย" สู่ "คนละครึ่งพลัส" โครงการใหม่ ที่อาจเข้าถึงประชาชนได้มากกว่า

15 ตุลาคม 2568
แชร์ :
หลายปีที่ผ่านมาการเดินทาง คือหนึ่งในต้นทุนชีวิตที่คนเมืองต้องแบกรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาลก่อน ที่มีความพยายามผลักดันนโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” เพื่อหวังลดภาระค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพให้กับประชาชน แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้นโยบายนี้ต้องหยุดชะงักไปกลางทาง
เมื่อมีรัฐบาลใหม่ กับเวลาเพียง 4 เดือน
รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เข้ามารับไม้ต่อในช่วงเวลาเพียง 4 เดือน
ไม่ได้เลือกต่อยอดนโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาท” แต่หยิบ “คนละครึ่งพลัส” โครงการประชานิยมรูปแบบคุ้นเคย ที่ถูกรีแพคเกจใหม่ให้ตอบโจทย์ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา คนละครึ่งพลัส ไม่เพียงมุ่งกระตุ้นการใช้จ่ายในระบบร้านค้าเพียงเท่านั้น แต่ยังขยายสู่การบรรเทาภาระค่าครองชีพด้านการเดินทาง สะท้อนแนวทางการจัดการเศรษฐกิจแบบ “บริโภคนิยมเชิงบรรเทา” ที่มุ่งสร้างผลลัพธ์ระยะสั้น เพื่อพยุงกำลังซื้อและรักษาสภาพคล่องทางการเงินไว้
นี่คือการพลิกโฉมหรือเพียงต่อยอดจากโครงการคนละครึ่งเดิม?
โครงการคนละครึ่งพลัส เป็นหนึ่งในนโยบาย "Quick Big Win" ซึ่งแตกต่างจากโครงการฯ ในยุครัฐบาลก่อนคือ
● ลดอายุผู้เข้าร่วมเหลือ 16 ปีขึ้นไป (จากเดิม 18 ปี)
● เพิ่มวงเงินสมทบรัฐเป็น 200 บาทต่อวัน (จากเดิม 150 บาท)
● เพิ่มสัดส่วนเงินที่รัฐสมทบให้ "กลุ่มผู้ยื่นแบบภาษี" เช่น รัฐอุดหนุน 60% และประชาชนจ่าย 40%
โดยวงเงินที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
● สำหรับผู้ที่ไม่ได้ยื่นแบบภาษี 2,000 บาท/คน ตลอดโครงการ
● สำหรับผู้ยื่นแบบภาษี 2,400 บาท/คน ตลอดโครงการ
แต่ Key สำคัญของโครงการนี้ ไม่ใช่แค่การให้เงินเพื่อจับจ่ายใช้สอย แต่ยัง “เชื่อมระบบขนส่งสาธารณะ” โดยให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิ “สแกนจ่าย” ผ่านแอปเป๋าตัง แถมครอบคลุมแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น พี่วิน มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ รถเมล์ จนถึง เรือ สองแถว สามล้อถีบก็สามารถสแกนจ่ายได้
เรียกได้ว่าเป็นการเดินเกมที่น่าสนใจ ถึงแม้ไม่ไปต่อกับโครงการเดิม แต่หยิบโครงการที่ “คุ้นหู” มาปัดฝุ่น ขยายขอบเขตของการใช้สอย เพื่อแก้เกมเศรษฐกิจในระยะเวลาอันสั้น ต้องติดตามดูกันว่าโครงการนี้ จะได้ผลตอบรับจากประชาชนอย่างไร คิดเห็นอย่างไรมาแชร์กันนะคะ
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

