ลับ ลวง พราง ตู้เซฟจิ๋ว แต่เก็บเงินดิจิทัลมหาศาล

สังคม

ลับ ลวง พราง ? ตู้เซฟจิ๋ว แต่เก็บเงินดิจิทัลมหาศาล

Clock Icon

8 ธันวาคม 2568

แชร์ :

เปิดหัวข้อมาขนาดนี้ เชื่อว่าทุกคนพอจะรู้กันแล้วว่าเรื่องอะไร “Ledger Nano” อุปกรณ์จิ๋วรูปร่างคล้ายแฟลชไดรฟ์ ถูกพูดถึงทั่วโซเชียลจากข่าวดังในวงการบันเทิง

ขอเล่าสั้น ๆ ว่าอุปกรณ์นี้มันคือ ฮาร์ดแวร์วอลเล็ต (Hardware Wallet) ซึ่งใช้งานเหมือน “ตัวช่วยจดจำรหัส” ของบัญชีคริปโทเคอร์เรนซี สำหรับเก็บและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัยแบบ ออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็นคริปโทเคอร์เรนซีหรือ NFT ทำหน้าที่เหมือน “อุปกรณ์ลงนาม” (signer) เพื่อยืนยันตัวตน และธุรกรรมต่าง ๆ ในโลกดิจิทัลนั่นเอง

แปลว่ามันจะเป็นเหมือนกุญแจลับของเรา ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการโดนแฮ็กได้อย่างดี เพราะสามารถเก็บข้อมูล Private Key แบบออฟไลน์ (Cold Storage) ได้ ตัวอุปกรณ์จะเก็บกุญแจส่วนตัวไว้ในชิปที่ปลอดภัยและไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้ลดความเสี่ยงจากการแฮ็กหรือมัลแวร์ได้สูง

แต่ใครก็ตามที่อยากใช้มัน ต้องจำรหัส PIN และเก็บ Seed Phrase เองให้ดี เพราะอุปกรณ์นี้ใช้ระบบความปลอดภัยสูงสุด ที่หากต้องการเปิดจะต้องใช้ข้อมูลรหัสกู้คืนได้มากถึง 24 คำ (Seed Phrase) จากการถูกออกแบบมาให้ “เจ้าของเท่านั้น” ที่เข้าถึงได้

และที่จริงเป็นอุปกรณ์นี้มีมานานแล้ว และใช้กันแพร่หลายไม่ใช่แค่ในไทย

โดยข้อมูลจาก Ledger ระบุว่ากว่า 20% ของมูลค่าสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซี ทั่วโลกได้รับการปกป้องด้วยอุปกรณ์ของบริษัท และถูกขายไปแล้วกว่า 8 ล้านเครื่องในกว่า 165 ประเทศ นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2014

จากประเด็นด้านความปลอดภัย ที่ยังเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้คริปโทเคอร์เรนซี ยังไม่สามารถเข้าสู่กระแสหลักได้อย่างเต็มตัว ซึ่ง Jean-François Rochet รองประธานบริหารฝ่าย Consumer Services ของ Ledger ออกมาให้ความเห็นว่า แม้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะเติบโตต่อเนื่องทั้งด้านมูลค่าและการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใช้มือถือถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวก ไม่ใช่เพื่อปกป้องสินทรัพย์มูลค่าสูง

หมายความว่าถ้าผู้ใช้จัดเก็บคีย์ส่วนตัวไว้ในอุปกรณ์ทั่วไป โอกาสถูกโจมตีทางไซเบอร์หรือทำข้อมูลสูญหายเลยยังเป็นปัญหาใหญ่อยู่

แต่ก็มีมุมมองจากฝั่งผู้เชี่ยวชาญการทุจริต ที่ได้ให้ความเห็นไว้ว่าเครื่องมือที่ดี ถ้าใช้ผิดก็กลายเป็นช่องโหว่ ซึ่งสมาคมผู้ตรวจสอบการทุจริต (ACFE) ของสหรัฐฯ ก็เคยออกมาเตือนในบทความเรื่อง “ด้านมืดของฮาร์ดแวร์วอลเล็ต” ว่าแม้อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยผู้ลงทุนทั่วไปป้องกันสินทรัพย์จากแฮ็กเกอร์ แต่ฟีเจอร์บางอย่างเมื่อเอามารวมกับโครงสร้างบล็อกเชนและการไม่เปิดเผยตัวตน ก็สามารถถูกใช้เพื่อเคลื่อนย้ายเงินผิดกฎหมายจำนวนมากแบบตรวจจับได้ยากขึ้น หากกฎหมายและระบบกำกับดูแลตามไม่ทัน

ซึ่งในฝั่งไทยเอง เจ้าหน้าที่ บช.สอท. ก็เคยให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุว่า “สินทรัพย์ดิจิทัล” ถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงินมากขึ้น ทั้งในคดีพนันออนไลน์ แชร์ลูกโซ่ และหลอกลงทุนรูปแบบต่าง ๆ จึงต้องเร่งพัฒนาทั้งกฎหมาย คน และเครื่องมือในการตรวจสอบเส้นทางเงินดิจิทัลให้ทันอาชญากร

สิ่งที่เรากำลังจะบอกทุกคนคือ เทคโนโลยีไม่ได้เลวร้าย แต่ขึ้นอยู่กับคนเอาไปใช้มากกว่า เพราะแท้จริงแล้วทั้งหมดนี้มันถูกออกแบบมานั้น ก็เพื่อให้ชีวิตเรา สะดวก และปลอดภัยขึ้น ดังนั้นโจทย์สำคัญจึงไม่ใช่การหนีเทคโนโลยี แต่คือการเรียนรู้ที่จะใช้ให้เป็นในทางที่เหมาะสม และไม่กระทบต่อบุคคลอื่น

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยี ที่จะพัฒนาและยกระดับประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าได้ที่ Tech Movement

แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลับ ลวง พราง ? ตู้เซฟจิ๋ว แต่เก็บเงินดิจิทัลมหาศาล