
ในปี 2566 ผู้หญิงกว่า 260,000 คนทั่วโลกต้องเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์หรือการคลอดบุตร นั่นหมายความว่า ในทุกๆ 2 นาที จะมี “แม่หนึ่งคน” ต้องเสียชีวิต เพราะการให้กำเนิดชีวิตใหม่
ล่าสุด บริษัท Kaiwa Technology ในเมืองกว่างโจว ประเทศจีน คิดค้น“หุ่นยนต์อุ้มบุญ” ตัวแรกของโลก ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อบรรเทาภาระทางร่างกาย และจิตใจที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ และสร้างความหวังใหม่ให้กับคู่รักที่มีบุตรยาก ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นตัวต้นแบบกันภายในปีหน้า ในราคาที่คาดการณ์ไว้ราว 500,000 บาท
โดยเป็นหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ที่มาพร้อม “มดลูกเทียม” ในช่องท้อง ที่มีการเชื่อมต่อกับสายสะดือสำหรับส่งสารอาหาร 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถเลี้ยงตัวอ่อนจนคลอดได้เป็นเวลา 10 เดือน เหมือนกระบวนการตั้งครรภ์ในมนุษย์แบบเป๊ะ ๆ
ซึ่งนักวิจัยจะนำมดลูกเทียมไปติดตั้งในตัวหุ่นยนต์ เพื่อให้มนุษย์สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับหุ่นยนต์และตั้งท้องได้ แต่วิธีการปฏิสนธิไข่และสเปิร์ม ตลอดจนการใส่ไข่เข้าไปในมดลูก และวิธีที่หุ่นยนต์จะคลอดลูกออกมายังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการ
แตกต่างจากการทำเด็กหลอดแก้ว และการอุ้มบุญทั่วไปยังไง?
ทั้งสองวิธีนี้เด็กอ่อนยังต้องเติบโต และคลอดในร่างกายมนุษย์ ซึ่งก็ยังมีความเสี่ยงจากอาการแทรกซ้อนในตั้งครรภ์ไม่ต่างจากการตั้งครรภ์แบบปกติ
ส่วนหุ่นยนต์อุ้มบุญ ทำหน้าที่ “ท้องแทน” ในทุกกระบวนการ ที่ลดความเสี่ยงต่อชีวิตผู้หญิงได้มากขึ้น คำถามที่ตามมาคือ สังคมจะรับมืออย่างไรหากมีการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ผิดทาง อย่างการใช้เพื่อการค้ามนุษย์
โดยการอุ้มบุญแบบปกติเองก็มีแนวโน้มจะนำไปสู่การค้ามนุษย์อยู่แล้ว หากนวัตกรรมนี้ทำให้การตั้งครรภ์ง่ายขึ้น กระบวนการเหล่านี้ก็อาจเกิดมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็ต้องติดตามต่อว่าหากในอนาคตพัฒนาจนสำเร็จจนใช้งานจริง และผลิตในเชิงพาณิชย์แล้ว จะมีกรอบกฎหมายหรือมาตรการควบคุมหรือไม่ เพราะการพัฒนานี้อาจให้ทั้งประโยชน์ และโทษได้ในเวลาเดียวกัน
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว