เทศกาลเจนนี่ไลฟ์สดจนไวรัล เกิดขึ้นได้เพราะทำสิ่งนี้

สังคม

เทศกาลเจนนี่ไลฟ์สดจนไวรัล เกิดขึ้นได้เพราะทำสิ่งนี้!

Clock Icon

14 ตุลาคม 2568

แชร์ :

หยุดยาว 3 วันเชื่อว่าแม้แต่คนไปเที่ยวก็ต้องเจอแต่ฟีดข่าวนี้ กับไวรัลไลฟ์สดเจนนี่ (รัชนก สุวรรณเกตุ) กลายเป็นประวัติศาสตร์จนคนตะลึง เพราะผ่านไป 5 วันตั้งแต่วันที่ 9-13 ต.ค. 68 ปิดยอดขายไปเกือบ 400 ล้านบาท 

แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ และ ไม่ใช่โชคช่วย มันคือความเชี่ยวชาญแบบปัจเจกบุคคลของเจนนี่ ที่อาศัยความคุ้นชินทำงานในวงการนี้มานาน ทั้งการไลฟ์สด และการสร้างคอนเทนต์เป็นอาชีพ 

รวมถึงการเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภค กับอัลกอรึทึมของแพลตฟอร์มเป็นอย่างดี เลยถูกใช้เป็นกลยุทธ์หลักที่ดึงคนดูไลฟ์ได้สูงสุดเกือบ 5 แสนคน นับตั้งแต่ที่เธอเริ่มไลฟ์มา ก็ไม่แปลกที่จะคว้าเงินในอากาศได้มากขนาดนี้ 

จนผู้คนในออนไลน์ต่างออกมาแซวเจนนี่ว่า “ตอนนี้เงินไม่ได้อยู่ในอากาศอีกแล้ว แต่ไปอยู่ที่เธอทั้งหมด” โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็ว จนนักวิเคราะห์มากมายออกมาให้ความเห็นว่า นี่คือการตลาดนอกตำรา ที่เป็น Case Study ได้อย่างดี เพราะยังไม่มีใครทำยอดได้พีคในเวลาสั้น ๆ ขนาดนี้

จุดแข็งที่แม่นเรื่องระบบ-ดึงคนดังเข้าร่วม เกิดเป็น “Audience Collision”

ต้องบอกว่าถือเป็นความฉลาดในการอ่านเกมสถานการณ์ ผสานกับการวิเคราะห์ข้อมูลแพลตฟอร์มได้อย่างตรงจุด เพราะเจนนี่ไม่ได้ไลฟ์คนเดียว แต่ยังดึงคนดัง และครีเอเตอร์ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วมาร่วมไลฟ์ ซึ่งระบบ TikTok จะนำผู้ชมทั้งสองฝั่งมารวมกัน เลยเกิดเป็นปรากฏการณ์ Audience Collision ที่ส่งผลให้ยอดเข้าถึง (Reach) พุ่งสูงขึ้นแบบทวีคูณในทันที 

นอกจากนี้เจนนี่ยังแชร์ว่าความเรียลตามสไตล์การไลฟ์ของเธอทำให้คนชอบ และไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อ โดยไม่ว่าจะไลฟ์กี่ชั่วโมงคนดูก็ยังเอ็นจอย รวมถึงมีการสื่อสารข้อมูลสินค้าได้โดยตรง ปิดคำถามในหัวลูกค้าได้ทั้งหมด สร้าง ความสนใจให้กับลูกค้า หรือที่เรียกว่า Middle of Funnel ง่าย ๆ คือมาที่เดียวได้ทุกคำตอบ คนซื้อก็ไม่รู้สึกว่ายาก ได้ข้อมูลตามต้องการก็กดซื้อเลย ทำให้คนขายปิดการขายได้ทันที

บวกกับการใช้ทริคเวลาที่เร่งให้คนรู้สึกตื่นเต้น ไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน หรือถ้าไม่ซื้อตอนนี้จะรู้สึกเสียดาย เพราะจะมีการย้ำเสมอว่าราคามีเฉพาะในไลฟ์สดนี้ หรือในช่วงเวลานี้เท่านั้น นี่คือการตลาดอีกอย่างที่เรียกว่า Conversion หรือปิดการขายในส่วนของ Bottom Of Funnel

พอภาพรวมทั้งหมดมันส่งผลต่อกันเป็นทอด ๆ ทั้งระบบที่ส่งกันจนผลักให้มีคนสนใจจำนวนมาก และความเชี่ยวชาญของคนขายที่ไม่ได้แค่มานั่งเอ็นเตอร์เทนคนดู แต่รู้ว่าคนที่เข้ามาต้องการอะไร และกำลังสนใจสินค้าที่ถือขึ้นอยู่มากน้อยแค่ไหน โดยเห็นได้จากการที่เจนนี่จะขอปรับลดราคาหน้าไลฟ์กับเจ้าของแบรนด์เรื่อยๆ เหตุผลเพราะว่าเธอดูข้อมูลหลังบ้านที่วิ่งเรียลไทม์ตลอดเวลา การปรับราคาในตอนนั้นจะช่วยดึงความสนใจในการซื้อสินค้าได้มากกว่าเดิมนั่นเอง

เรียกได้ว่าเธอกำลังเป็นครูให้กับเหล่านักขายออนไลน์ในเวลานี้ก็ว่าได้ จากทัศนคติที่ดีต่อการบริหารไลฟ์ ซึ่งก็การันตีได้จากยอดขายที่เกิดขึ้น และถูกได้รับการสนับสนุนทั้งจากคนในวงการและนอกวงการ กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการขายออนไลน์ในไทย ที่จะเป็นสารตั้งต้นให้คนที่กำลังหาแนวทางค้าขายใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทศกาลเจนนี่ไลฟ์สดจนไวรัล เกิดขึ้นได้เพราะทำสิ่งนี้!