
AI กำลังกลายเป็นอาวุธชั้นดีของอาชญากรไซเบอร์ ผู้ไม่เชี่ยวชาญก็สามารถสร้างไวรัส แรนซัมแวร์ หรือสคริปต์เจาะระบบได้อย่างง่ายดาย และนี่คือสิ่งที่เรียกว่า “Dark AI”
ซึ่งในปี 2023 ก็ได้มีโมเดลที่ถูกสร้างมาเพื่อโจมตีโดยเฉพาะ เรียกว่า Black Hat GPTs เช่น WormGPT, DarkBard, FraudGPT และ Xanthorox โมเดลเหล่านี้ถูกออกแบบให้สามารถสร้างโค้ดไวรัส แรนซัมแวร์ ฟิชชิง เว็บไซต์ปลอม และ Deepfake ได้แบบอัตโนมัติ ทำให้ภัยคุกคามไซเบอร์ซับซ้อนและรวดเร็วมากขึ้น
โดย “เอเชียแปซิฟิก” ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อภัยคุกคามดังกล่าว เพราะเป็นภูมิภาคที่ถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างหนัก โดยอัตราการตรวจพบไวรัสสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก 2–3 เท่า
เพราะที่นี่เต็มไปด้วยระบบสำคัญ อย่างโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า ระบบน้ำมัน ก๊าซ และวิศวกรรม ที่เชื่อมโยงทั้ง IT และ OT (Information Technology + Operational Technology) เข้าด้วยกัน
เมื่อ IT โดนเจาะ ช่องโหว่นี้สามารถลามไปถึง OT ได้ทันที ทำให้โรงงานหยุดการทำงาน ส่งผลให้ไฟฟ้าดับ สายการผลิต หรือระบบสาธารณูปโภคล่มได้ ซึ่งสะท้อนถึงระบบโครงสร้างของระบบอุตสาหกรรมที่ยังมีช่องโหว่ให้เกิดการโจมตีได้
รวมถึงการเชื่อมโยงของระบบที่ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยรองรับ ซึ่งทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ที่การโจมตีเพียงจุดเดียวสามารถล้มทั้งระบบได้ ซึ่งการมาของ Dark AI ยิ่งทำให้ภัยคุกคามซับซ้อน และรุนแรงขึ้น ที่ทำให้ระบบต่างๆทั้งประเทศหยุดชะงักได้รวดเร็วกว่าเดิม
สิ่งนี้เป็น สัญญาณเตือนชัดเจน ว่าทุกภาคส่วนต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน ตั้งแต่การฝึกพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ วางระบบตรวจจับอย่างรัดกุม และอัปเดตความรู้เกี่ยวกับเทคนิคโจมตีใหม่ๆ
เพราะภัยไซเบอร์พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และซับซ้อนมากขึ้น ทำให้สามารถโจมตีเราได้ทุกเวลา ซึ่งการเตรียมพร้อมจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดให้กับองค์กร
แท็กที่เกี่ยวข้องข่าว